10 ข้อคิด ในการเทรดหุ้น

10 ข้อคิด ในการเทรดหุ้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ "เล่นหุ้นต้องใช้ใจ รวยได้ไม่รู้จบ" เลยขอเก็บตกเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจมาฝากกันครับ
ขอเริ่มจาก กลยุทธ์ในการลงทุนที่เหมาะสมกับบรรยากาศเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน โดยจะขอแบ่งเป็น 4 สถานการณ์ ดังรูป เริ่มจากสถานการณ์แรก ที่คาดว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขี้น ซึ่งโดยปกติเศรษฐกิจโลกจะมีระดับความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ตราสารการลงทุนที่เหมาะสม จึงมักจะมุ่งหาผลตอบแทนที่สูงๆ อาทิ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นกู้ภาคเอกชนและของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ในทางกลับกัน หากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ การลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อาทิ พันธบัตรรัฐบาลทั้งที่เป็นแบบจ่ายดอกเบี้ยคงที่และแบบผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงตามอัตราเงินเฟ้อ
สถานการณ์ที่สาม ได้แก่ เมื่อคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วงขาขึ้น ตราสารการลงทุนที่เหมาะสม ได้แก่พันธบัตรรัฐบาลแบบผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงตามอัตราเงินเฟ้อ สินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นกู้ของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ท้ายสุด หากคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วงขาลง หุ้นและหุ้นกู้แบบจ่ายดอกเบี้ยคงที่ จะเป็นการลงทุนที่มีความเหมาะสมที่สุด
ในส่วนของข้อคิดสำหรับการเทรดหุ้น ที่ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว 10 ประการ นั้น ดังนี้
1) ควรใช้เงินที่เย็นเล่นหุ้น หากเป็นเงินไม่เย็น เล่นไม่สนุก เพราะมีข้อจำกัด ถ้าเป็นกอล์ฟ ก็เสมือนมี Handicap ให้กับคู่ต่อสู้ ยิ่งถ้าเป็นมือใหม่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่
2) อย่าคีย์คำสั่งซื้อขายหุ้นค้างไว้ ตอนเที่ยงครึ่ง เพราะยิ่งถ้าเป็นดัชนีตลาดขาลง ราคาหุ้นอาจร่วงต่ำลงจนซื้อของแพงโดยใช่เหตุ ด้วยคำสั่งที่เราคีย์ไว้เป็นราคาสูงไปแล้ว จะยกเลิกไม่ทัน เพราะอาจจะไม่ได้อยู่ดูอีกทีตอนบ่ายสองโมงครึ่งที่ตลาดหุ้นเปิดอีกครั้ง ทำให้ซื้อแพงกว่าที่ควรจะเป็น
3) หากรู้สึกว่าใจร้อน อยากเทรดหุ้นมากๆ ให้รีบออกจากกิจกรรมการเล่นหุ้นก่อน เพราะการเล่นหุ้นที่จะประสบผลสำเร็จ ต้องการคนที่มองมากกว่าหนึ่งมุมและมีใจที่เป็นกลาง
4) หากเป็นหุ้นที่ได้รับการแนะนำจากคนรู้จัก หรือที่เรียกกันว่า หุ้นพรายกระซิบ จากประสบการณ์ส่วนตัว โดยส่วนใหญ่มักจะมีโอกาสขาดทุนมากกว่ากำไร นอกจากนี้ หุ้นที่ปิ๊งจากการสังเคราะห์และตกผลึกด้วยการอ่านและการพิจารณาไตร่ตรองด้วยตนเอง โดยส่วนใหญ่มักจะมีโอกาสกำไรมากกว่าขาดทุน
5) อย่าดูหน้าจอหุ้นบ่อยไป เนื่องจากจะหลงไปกับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้น จนลืมภาพที่แท้จริงในระยะยาวของหุ้นดังกล่าว
6) ถ้าลงทุนหุ้นแล้วสนุกหรือพูดง่ายๆ ว่ามันมาก แสดงว่า มีแนวโน้มว่าจะเล่นแล้วจะไม่ได้กำไร เพราะการใช้อารมณ์ในการเทรดหุ้น มักจะมีอคติในการประเมินสถานการณ์ในขณะนั้น กล่าวโดยง่าย คือ
เล่นให้กำไร ต้องไม่สนุก เพราะมองเกมเสียจนทะลุปรุโปร่ง ทุกอย่างได้คาดการณ์เอาไว้เกือบหมดแล้ว ซึ่งตรงนี้ผมแนะนำให้ใช้แนวทาง Macro Investing
7) ถ้าเล่นได้กำไรบ่อยๆ เข้า จะเกิดความโลภแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความโลภนั้น จะส่งผลเสียต่อการลงทุนอยู่ด้วยกันอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ประการแรก ทำให้การวิเคราะห์ในขณะนั้นมีอคติ และ ประการที่สอง ทำให้กล้าเสี่ยงเกินกว่าที่ควรจะเป็น
8) ถ้าจะเล่นหุ้นแบบรอบเล็ก หรือ ระยะเวลา 1-3 เดือน โดยส่วนตัว ผมแนะนำแนวทาง Macro Investing เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า ถ้าเล่นแบบสั้นๆ หาหุ้นที่ถูกและดียากกว่าการวิเคราะห์ข่าวแล้วเล่นหุ้นในรายอุตสาหกรรมหรือดัชนีต่างประเทศใดที่น่าสนใจ อาทิ จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นสหรัฐขึ้นไปประมาณร้อยละ 18 แล้ว ซึ่งผมเขียนไว้ในหนังสือเล่มล่าสุด ลงลึกไปถึงว่าควรซื้อกองไหน ในเวลาใดด้วย
9) บทบาทการวิเคราะห์เทคนิค (Technical Analysis) สามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนได้ แต่ควรใช้ได้เพียงในขณะเวลาที่วิเคราะห์อยู่เพียงเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนเร็วมาก
10) โดยส่วนตัว ผมเห็นว่าการเทรดหุ้นโดยใช้ iPad มักจะได้กำไรมากกว่า iPhone เนื่องจาก หนึ่ง ก่อนเทรดจะเห็นข้อมูลในขณะนั้นที่มากกว่าเนื่องจากมีหน้าจอที่แสดงข้อมูลได้กว้างกว่า สอง ทำให้การตัดสินใจเทรดช้าหรือชะลอลงเล็กน้อย เนื่องจากจะมีสโต๊คการคีย์คำสั่งที่ยาวกว่าเล็กน้อย สาม ความผิดพลาดในการคีย์คำสั่งน้อยกว่า และสี่ จะเห็นกราฟต่างๆ ของหุ้นได้มากกว่า ทำให้มีแนวโน้มจะระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการตัดสินใจเทรดครับ
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น



"คำเตือนความเสี่ยง: ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นำเสนอโดย บริษัท ดำเนินการในระดับสูงของความเสี่ยงและอาจส่งผลในการสูญเสียของเงินทุนทั้งหมดของคุณคุณไม่ควรลงทุนเงินที่คุณไม่สามารถจะสูญเสีย.."

บทความที่ได้รับความนิยม