มือใหม่เล่นหุ้นอย่างไร ตอน 1 เริ่มต้นอย่างไรดี..?

มือใหม่เล่นหุ้นอย่างไร ตอน 1 เริ่มต้นอย่างไรดี..?

การลงทุนในหุ้น ถ้าลงทุนอย่างถูกวิธีก็ได้กำไร แถมเป็นกำไรแบบต่อเนื่อง คือ ดอกเบี้ยทบต้นได้เลยที่เดียว แต่หลายคนไม่เข้าใจว่า อย่างไรหรือซื้อหุ้น ทำอย่างไรถามกันมากมายในเว็บต่างๆ แต่ไม่มีคำตอบนอกจากบอกว่า ไปหาอ่านหนังสือเยอะๆแล้วจะเข้าใจเอง ก็อยากจะรวยเร็วๆนะครับ บอกเคล็ดลับสักทีสิ !! ใจเย็นๆครับ ที่นี่พอจะมีคำตอบแต่ต้องเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นแรกๆแบบให้เข้าใจ จะได้ไม่เป็นพี่เม่า น้องเม่า หรือที่เรียกว่าแมงเม่า (ทำนองว่า แมงเม่าบินเข้ากองไฟ ฮาๆๆๆ) จะเหลืออะไรนี่


หลายคนถามว่าเล่นหุ้น เหมือนเล่นพนันไหม แบบว่าแทงสูงแทงต่ำ ก็เหมือนกระดานหุ้นมีขึ้นลงเพราะเห็นกระดานหุ้นมีสีเขียวเวลาบวก และสีแดงเวลาติดลบ แปลว่าถ้าพนันหุ้นถูกตัวก็แทงหุ้นถูกตัวใช่ไหม ??
ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนครับ เพราะ การเลือกซื้อหุ้นคือการเลือกซื้อกิจการที่เราอยากเป็นเจ้าของ หรืออยากลงทุนเพื่ออนาคตครับ และคำสั่งซื้อหุ้นก็ไม่ใช่ใบแทงหวย แทงสูง แทงต่ำใดๆทั้งสิ้น” อย่าเข้าใจผิดเชียวนะครับ
Termite 04+

สมมติให้เข้าใจกันมากขึ้นว่าหุ้น KBANK คนในตลาดหุ้นจะรู้ว่าคือ ชื่อย่อหุ้นของ “ธนาคารกสิกรไทย” ราคาล่าสุด 183 บาทต่อหุ้น แปลว่า ถ้าซื้อหุ้น KBANK สัก 1 หุ้น จ่าย 183 บาท เราก็คือผู้ถือหุ้นทันที แต่ปกติก็ซื้อสัก 100 หุ้น 1,000 หุ้นนะครับ ก็คูณกันไปว่าพอจะจ่ายได้สัก 18,300 บาท หรือ 183,000 บาท ก็จะได้จำนวนหุ้นที่ต้องการ และถ้าไม่ขายไปสักก่อนพอครบปี จะถูกเชิญเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้ถือหุ้น….วาว!! เท่ห์ไม่หยอกเลย เพราะเราคือเจ้าของบริษัทคนหนึ่ง แต่มีสิทธิ์มีเสียงตามจำนวนหุ้นที่ถือเท่านั้นนะครับ

โดยวาระการประชุมส่วนใหญ่ก็ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในแผนการดำเนินงานประจำปี บางคราวน่าตื่นเต้นหน่อยก็แจ้งการจ่ายเงินปันผลครับ และมีบางบริษัทก็ประชุมกันสองรอบใน 1 ปีก็มี แล้วแต่ผู้บริหารจะกำหนด….วาวดูคุ้นๆเหมือนหนังจีนฮ่องกงที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลย แต่ถ้าเราขายหุ้นหมดเสียก่อนเพื่อทำกำไรก็หมดสิทธิ์ในฐานะผู้ถือหุ้นครับ ฟังดูพอเข้าใจไหมครับ ที่สำคัญการซื้อหุ้นเขาเลือกซื้ออยู่ 2 เหตุผล คือ เก็งกำไรจากราคาส่วนต่างที่เปลี่ยนแปลงของหุ้น กับอีกเหตุผลคือ ถือหุ้นเพื่อรับเงินปันผลจากผลกำไรของบริษัทครับตัวอย่างนี้ก็ถ้าหุ้น KBANK ราคาซื้อตอนแรก 183 บาท แต่พออีกวันขึ้นไป 185 บาทต่อหุ้น หากขายออก 1,000 หุ้น ก็กำไร 2,000 บาทเป็นต้น แต่ต้องหักค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นจากโบรกเกอร์(นายหน้าซื้อขายหุ้น)ต่างหากด้วยครับ ซึ่งปกติก็ประมาณ 0.25% ซึ่งแล้วแต่ละโบรกเกอร์จะกำหนด ส่วนเงินปันผลแล้วแต่บริษัทนั้นๆจะประกาศจ่ายไหม จ่ายเท่าไร จ่ายกี้่ครั้งต่อปี ซึ่งผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลรายบริษัทนะครับ
131230062++
 แฟนๆ Mthai News เห็นหรือยังครับ ว่า “การซื้อหุ้นไม่ใช่การพนัน และไม่ใช่เล่นหวย เพราะต้องมีความรู้ความเข้าใจใน “หุ้น” พอสมควรทีเดียว และเลือกซื้อหุ้นก็ยากเอาการเดาใจไม่ค่อยออกว่าจะขึ้นหรือลง ในแต่ละวัน เดายากยิ่งกว่าเอาใจหญิงสาวเสียอีก (ฮะแฮ่ม…จริงๆนะ)นี่ถ้าไม่เคยอ่านงบการเงิน ไม่รู้ว่าหุ้นที่จะซื้อเป็นกิจการประเภทไหนมีอนาคตมากน้อยเพียงไร และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน รวมถึงส่งผลต่อราคาหุ้นนั้นๆอย่างไรแล้วละก็ จบเห่….กันเลยทีเดียว”  และก่อนที่จะเลือกซื้อหุ้นได้ ปัจจัยที่สำคัญคือ “เงินลงทุน” ก็บอกแล้วว่าปัจจัยสำคัญ ก็แปลว่าเงินไงละครับ ไม่รักกันจริงไม่บอกนะครับนี่


img_494639_1 

“เงินลงทุน” ซึ่งถ้าคุณไม่มีเงินถุงเงินถัง ไม่มีเงินมรดกจากเจ้าคุณปู่ เป็นเพียงมนุษย์เงินเดือน จะลงทุนอย่างไรดีละนี่ ก็ลำบากหน่อยแต่ไม่ใช่ไม่มีสิทธิ์ มีครับ ก็เก็บออมเงินเพื่อการลงทุนสิครับ ….วาวสำหรับบางคนนั้นยากจังไม่ค่อยหลือเก็บ ก็ต้องฝึกให้เกิดวินัยทางการเงินละครับ อันนี้สำคัญมาก เพราะไม่ว่า มีเงินถุงเงินถังหรือ มีเบี้ยน้อยหอยน้อยก็ตาม ต้องมีวินัยการเงินอยู่ดีครับ ในคราวหน้าผมจำนำเสนอเรื่องวินัยการเงิน จิตวิทยาการลงทุนนะครับ ก่อนจะถึงการเริ่มต้นซื้อหุ้นจริงๆ ซึ่งล้วนเป็นหัวข้อที่สำคัญสำหรับนักลงทุนเลยครับ

ที่มา https://news.mthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น



"คำเตือนความเสี่ยง: ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นำเสนอโดย บริษัท ดำเนินการในระดับสูงของความเสี่ยงและอาจส่งผลในการสูญเสียของเงินทุนทั้งหมดของคุณคุณไม่ควรลงทุนเงินที่คุณไม่สามารถจะสูญเสีย.."

บทความที่ได้รับความนิยม